มีผู้พยายามอธิบายปัญหาความแตกแยกของผู้คนในสังคมไทยขณะนี้ ว่าเกิดจากสาเหตุต่างๆ มากมาย แต่สำหรับผู้เขียนแล้วเห็นว่ารากเหง้าของสาเหตุแห่งปัญหาความแตกแยกทั้งปวงเกิดขึ้นจากเหตุผลหลัก 2 ประการที่ประกอบกันจนเป็นปัญหาดังนี้ คือ
          1.เกิดจากปรัชญาของลัทธิทุนนิยม ที่หล่อหลอมปลูกฝัง จิตรวิญญาณให้ผู้คนเห็นแก่ตัว คำว่า ปัจเจกชน ถ้าจะแปลตรงแล้วก็หมายถึงตัวใครตัวมัน ผู้คนในสังคมทุนนิยมจะค่อยๆถูกปลูกฝั่งให้ทำเพื่อตัวเองเห็นแก่ตนเองมากขึ้นๆเป็นลำดับ ผู้คนที่คิดทำเพื่อประโยชน์ส่วนรวมจะเป็นคนกลุ่มน้อยและกลายเป็นคนบ้าของคนส่วนใหญ่ ดังนั้นจึงพบเห็นผู้คนในโลกทุนนิยมโดยเฉพาะประเทศไทยที่ทำงานในลักษณะที่เรียกว่า "มือใครยาวสาวได้สาวเอา" การทำธุรกิจจะมีลักษณะ “ปลาใหญ่กินปลาเล็ก” จนเกิดปรากฎการณ์ “รวยกระจุกจนกระจาย” อยู่ทั่วไปทุกระดับ
          2.เกิดจากค่านิยมแบบศรีธนญชัย ค่านิยมแบบศรีธนญชัยเป็นค่านิยมที่คนไทยนิยมและชื่นชมมาโดยตลอดตั้งแต่อดีต ดังเช่นคำพูดที่ว่า "รู้อะไรไม่สู้รู้วิชา” แต่ตอนท้ายก็เห็นว่า “รู้รักษาตัวรอดเป็นยอดดี" ค่านิยมแบบศรีธนญชัยจะทำให้ผู้คนในสังคมไทยทำอะไรก็ได้ขอให้ “ชนะอย่างเดียว” และเมื่อมีโอกาสก็จะทำทุกอย่างเพื่อให้ได้เปรียบ กอบโกยช่วงชิงทุกสิ่งทุกอย่าง เพื่อมาเป็นสมบัติของตัวเองโดยไม่คำนึงถึงกฎหมายและคุณธรรม เมื่อถูกจับได้ก็จะแก้ไขเอาตัวรอดตามวิธีการแบบศรีธนญชัย แม้จะมีวิธีการไม่ถูกต้องก็ตาม

          ดังนั้นหากจะแก้ปัญหาความแตกแยกให้ยั่งยืนจึงต้องแก้ที่รากเหง้าของสาเหตุแห่งปัญหาโดยการหล่อหลอมปลูกฝังจิตวิญญาณให้ผู้คนรู้จักพอเพียง มีความเอื้ออาธรมีจิตใจที่เห็นแก่ผู้อื่นๆ มีจิตสำนึกสาธารณะที่ต้องการทำเพื่อประโยชน์ส่วนรวมมากกว่าทำเพื่อตัวเอง เคารพกฎหมายและปฏิเสธสิ่งที่ไม่ถูกต้องไม่เป็นธรรมทั้งปวง แม้วิธีแก้ปัญหาดังกล่าวนี้จะยากและเห็นผลช้าแต่ก็เป็นหน้าที่ของทุกคนที่ต้องทำให้สิ่งเหล่านี้กลับคืนมาให้ได้ เพราะไม่เช่นนั้นแล้วปัญหาความแตกแยกจะยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้น เพราะปรัชญาของลัทธิทุนนิยมและค่านิยมแบบศรีธนญชัย จะทำให้ผู้คนเห็นแก่ตัวเอาตัวรอดและขาดคุณธรรมมากขึ้น


ดร.บุญช่วย พาณิชย์กุล
๑๒ พฤษภาคม ๒๕๕๓